วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

หลัก Ripeness

ในระบบกฎหมายสหรัฐอเมริกา หลักการ Ripeness หมายถึงความพร้อมในการดำเนินคดี หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งคือข้อร้องเรียนหรือคำฟ้องที่ไม่พร้อมสำหรับการวินิจฉัยของศาลเนื่องจากยังคงมีปัจจัยหรือเหตุการณ์ในอนาคตที่ต่อเนื่องที่อาจจะทำให้ไม่เกิดขึ้นตามที่คาดไว้หรืออาจไม่เกิดขึ้นเลย ตัวอย่างเช่น  หากมีการบัญญัติกฎหมายที่มีคุณสมบัติคลุมเครือแต่ไม่เคยใช้ กรณีที่ท้าทายกฎหมายดังกล่าวก็ยังไม่บรรลุผลที่จำเป็นต่อการตัดสิน

วัตถุประสงค์ของหลักการนี้คือการป้องกันการตัดสินคดีก่อนเวลาอันสมควร หากข้อพิพาทยังไม่พัฒนาเพียงพอ ความเสียหายหรือผลประโยชน์ที่อาจเกิดขึ้นยังคงเป็นการคาดการณ์อยู่ในการเรียกร้องให้ศาลวินิจฉัย หลัก ripeness มักจะถูกหยิบยกขึ้นเมื่อโจทก์เรียกร้องการบรรเทาทุกข์ที่คาดไว้ เช่น การขอความคุ้มครองชั่วคราวก่อนพิพากษา กล่าวคือเมื่อยกร่างคำร้องหรือคำฟ้อง โจทก์อาจจะสามารถหลีกเลี่ยงความเสียหายโดยการร้องขอหนทางแก้ไขอื่นในรูปแบบของคำพิพากษา ซึ่งในหลายมลรัฐยอมให้ศาลประกาศสิทธิของคู่กรณีตามข้อเท็จจริงที่ได้รับการพิสูจน์โดยไม่ต้องมีคำสั่งให้กระทำการใด ๆ
 
ศาลสูงสุดมองเกณฑ์พิจารณาเป้นสองขั้นตอนในการประเมินเรื่อง Ripeness ในระดับสหพันธรัฐ คดีที่ใช้อ้างอิงว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญคือ คดี Abbott Laboratories v. Gardner, 387 U.S. 136 (1967) ซึ่งเป็นคดี
ที่พิจารณาในชั้นศาลฎีกาสหรัฐ Abbott Laboratories ตัดสินว่าบริษัทผลิตยาไม่ได้ถูกห้ามตามหลักเกณฑ์ความเหมาะสมในการท้าทายกฎข้อบังคับของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ที่กำหนดให้ต้องระบุชื่อสามัญของยาที่ต้องสั่งโดยแพทย์ในเอกสารสิ่งพิมพ์ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด รัฐบาลโต้แย้งว่าคดียังไม่เหมาะสมเนื่องจากกฎข้อบังคับยังไม่ได้ถูกบังคับใช้ อย่างไรก็ตาม ข้อโต้แย้งดังกล่าวไม่ประสบผลสำเร็จ เนื่องจากศาลเห็นว่าประเด็นเหล่านี้เหมาะสมที่จะตัดสินโดยศาล และบริษัทผลิตยาจะประสบความยากลำบากอย่างมากหากปฏิเสธการท้าทายกฎหมายก่อนการบังคับใช้ มีแนวโน้มว่าจะมีการฟ้องร้องในข้อหาไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งอาจต้องรับโทษทางแพ่งและทางอาญา และบริษัทผลิตยาจะได้รับความเสียหายต่อชื่อเสียงหากจำเป็นต้องละเมิดกฎข้อบังคับก่อนจะท้าทายในศาล

หากไม่ดำเนินการสำรวจความซับซ้อนของหลักคำสอนความสุกงอม ก็สมควรที่จะกล่าวว่าเหตุผลพื้นฐานคือเพื่อป้องกันไม่ให้ศาลเข้าไปพัวพันกับความขัดแย้งในเชิงนามธรรมเกี่ยวกับนโยบายการบริหารผ่านการหลีกเลี่ยงการตัดสินก่อนกำหนด และเพื่อป้องกันไม่ให้หน่วยงานต่างๆ เข้าไปแทรกแซงโดยฝ่ายตุลาการ จนกว่าจะมีการทำให้การตัดสินของฝ่ายตุลาการเป็นทางการ และให้ฝ่ายที่คัดค้านรู้สึกถึงผลกระทบในลักษณะที่เป็นรูปธรรม ปัญหานี้สามารถมองได้ดีที่สุดในสองด้าน คือ ต้องประเมินทั้งความเหมาะสมของประเด็นสำหรับการตัดสินของฝ่ายตุลาการและความยากลำบากของฝ่ายต่างๆ จากการที่ศาลไม่พิจารณาคดี

ในคดี Abbott Laboratories ทั้งสองคดีและคดี companion แรก คดี Toilet Goods Association v. Gardner (387 U.S. 158 (1967) ศาลตัดสินการพิจารณาทบทวนก่อนบังคับใช้กฎหมายตามกฎหมายปกครอง แต่ศาลปฏิเสธว่าการพิจารณาทบทวนดังกล่าวในคดี Companion คดีที่สอง เพราะความเสียหายจากการไม่ปฏิบัติตามกฎหมายอาหารและยาที่ประกาศบังคับใช้ในลักษณะที่คาดการณ์ตามคำเห็นของศาลเพื่อให้เหตุผลในการพิจารณาทบทวนคำสั่งดังกล่าว ทั้งนี้่ หลัก Ripeness ไม่ควรสับสนกับหลักความเห็นเชิงปรึกษา (Advisory opinion doctrine) ซึ่งถือเป็นหลัการสำคัญในกฎหมายสหรัฐอเมริกา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น