กระบวนการยื่นขอรับสิทธิบัตรของสหรัฐอเมริกา (Patent Prosecution)
เมื่อผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรได้จัดเตรียมคำขอรับสิทธิบัตรและยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต่อสำนักงานสิทธิบัตรแล้ว สำนักงานสิทธิบัตรจะออกหมายเลข (application number) และวันที่ยื่น (filing date) ให้แก่ผู้ยื่นคำขอ และหลังจากนั้นคำขอรับสิทธิบัตรจะได้รับการพิจารณาจัดกลุ่มตามสาขาวิทยาการและเทคโนโลยี และจะแจกจ่ายไปยังนายทะเบียนสิทธิบัตรตามสาขาวิทยาการเชี่ยวชาญ หลังจากนั้น นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาตรวจสอบคำขอตามหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปการตรวจสอบจะกระทำโดยการศึกษาคำขอรับสิทธิบัตรเปรียบเทียบกับเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้และจะมีการสืบค้นจากสิทธิบัตรของสหรัฐฯและเอกสารสิทธิบัตรของต่างประเทศที่ปรากฏอยู่ก่อนวันที่ยื่นขอรับสิทธิบัตร รวมทั้งสืบค้นเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่าการประดิษฐ์ที่ขอคุ้มครองมีความใหม่และไม่ชัดแจ้ง นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาตามเอกสารที่สืบค้นได้
ในการทำคำสั่งจะทำการอ้างงานที่ปรากฏอยู่แล้วที่ดีที่สุดและระบุว่าการยอมรับหรือปฏิเสธข้อถือสิทธิแต่ละข้อ พร้อมทั้งอ้างข้อห้ามตามกฎหมายหากเป็นการปฏิเสธ นายทะเบียนสิทธิบัตรจะต้องกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรชี้แจงด้วย นายทะเบียนจะส่งคำสั่งดังกล่าวไปยังชื่อและที่อยู่ตามที่ระบุไว้ในคำขอรับสิทธิบัตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชื่อและที่อยู่ของทนายสิทธิบัตรในฐานะตัวแทนของผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตร ซึ่งมักเรียกว่าเป็นคำสั่งแรกของสำนักงานสิทธิบัตร (First Office Action) ทั้งนี้ โดยปกติระยะเวลาในการทำคำสั่งครั้งแรกจะต้องทำภายในเก้าเดือนนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ในทางปฏิบัตินั้นความช้าเร็วขึ้นอยู่กับสาขาวิทยาการของการประดิษฐ์
เมื่อนายทะเบียนสิทธิบัตรได้สั่งคำสั่งมายังผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรให้แก้ไขคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรต้องยื่นหนังสือตอบโต้หรือชี้แจง ซึ่งอาจมีการโต้แย้งคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตร โดยต้องมีเหตุผลในการขอแก้ไขประกอบในเอกสารก็ได้ โดยปกติผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรมักจะยื่นเอกสารดังต่อไปนี้
• การแก้ไขหรือยกเลิกข้อถือสิทธิหรือยื่นข้อถือสิทธิใหม่
• การแก้ไขรายละเอียดการประดิษฐ์หรือภาพวาด
• ข้อโต้แย้งว่าข้อถือสิทธิผ่านเงื่อนไขที่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้
• คำแถลงการณ์ตามกฎว่าด้วยสิทธิบัตร (Patent Rule) ข้อ 131 เพื่อยืนยันวันที่ประดิษฐ์เป็นวันก่อนงานที่ปรากฏที่อ้างถึง จึงไม่ถือห้ามตามกฎหมาย
• คำแถลงการณ์ตามกฎว่าด้วยสิทธิบัตร (Patent Rule) ข้อ 132 เพื่อแสดงหลักฐานข้อเท็จจริงว่าการประดิษฐ์สามารถขอรับสิทธิบัตรได้ เช่น การประดิษฐ์ประสบความสำเร็จทางการค้า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ตลาดมีความต้องการ และข้อมูลทดสอบระหว่างการประดิษฐ์กับงานที่ปรากฏอยู่แล้ว เป็นต้น
อนึ่ง ในการยื่นขอแก้ไขคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นคำข้อจะต้องไม่เพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไปในคำขอรับสิทธิบัตร สิ่งใหม่ที่ยื่นเพิ่มเติมเข้าไปจะถูกปฏิเสธ ตามกฎหมายสิทธิบัตร การแก้ไขภาพวาดและรายละเอียดการประดิษฐ์ต้องปฏิบัติตามส่วนของคำขอรับสิทธิบัตรที่ยื่นไว้เดิม
การตอบของผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้นต้องกระทำภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปจะเป็นระยะเวลาสามเดือนหลังจากที่มีคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรแต่ระยะเวลาดังกล่าวสามารถขยายได้หนึ่งเดือนแต่ทั้งหมดต้องไม่เกินหกเดือน การขยายระยะเวลาในแต่ละเดือนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หากไม่มีการตอบคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรให้ถือว่าเป็นการละทิ้งคำขอรับสิทธิบัตรนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เจตนาหรือเป็นกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นายทะเบียนสิทธิบัตรสามารถยกคำขอสิทธิบัตรขึ้นพิจารณาใหม่ได้ แต่ผู้ยื่นคำรับสิทธิบัตรต้องชำระค่าธรรมเนียมคำร้องดังกล่าว
หลังจากผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรได้ตอบกลับไปยังสำนักงานสิทธิบัตรแล้ว นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาทบทวนคำขอรับสิทธิบัตรตามคำตอบโต้ของผู้ยื่นคำขอ และผู้ยื่นคำขอจะได้รับคำสั่งครั้งที่สอง หากข้อถือสิทธิยังคงถูกปฏิเสธหรือไม่ผ่านเงื่อนไขตามกฎหมาย ซึ่งโดยปกติมักจะถือว่าเป็นคำสั่งครั้งสุดท้าย ซึ่งนายทะเบียนสิทธิบัตรจะระบุเหตุผลทั้งหมดของการปฏิเสธข้อถือสิทธิ ทั้งนี้ หากคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรที่ถือเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะถูกจำกัดในการโต้แย้ง โดยจะสามารถดำเนินการได้ดังต่อไปนี้เท่านั้น
• ละทิ้งคำขอรับสิทธิบัตรโดยไม่ตอบตามระยะเวลาที่กำหนดและสามารถยื่นคำขอรับสิทธิบัตรแบบต่อเนื่อง (continuation in part application) เพื่อจะให้มีการตรวจสอบดำเนินต่อไป
• ยกเลิกข้อถือสิทธิที่ถูกปฏิเสธเพื่อจะได้ดำเนินการออกสิทธิบัตรต่อไปในส่วนของข้อถือสิทธิที่ได้รับการยอมรับ
• อุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธครั้งสุดท้ายต่อคณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้าน (Board of Patent Appeals and Interferences)
ในการตอบคำสั่งสุดท้ายของนายทะเบียนสิทธิบัตรนั้น ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต้องยื่นคำขอภายในหกเดือนนับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตร
ในกรณีที่คณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรอาจอุทธรณ์ต่อไปได้ต่อศาลอุทธรณ์กลางของสหพันธรัฐหรืออาจฟ้องร้องคำสั่งของคณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้านต่อศาลชั้นต้นของสหพันธรัฐในเขตวอชิงตัน ดีซี (US District Court in Washington D.C.) ก็ได้
อนึ่ง ในระหว่างการสืบค้นและตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรนั้น สำนักงานสิทธิบัตรไม่มีอำนาจในการพิจารณาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรแต่ประการใด แม้ว่าการประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นจากสิทธิบัตรที่ปรากฏอยู่แล้วก็อาจได้รับความคุ้มครองตามสิทธิบัตร หากผ่านเงื่อนไขตามที่กฎหมายไว้อย่างครบถ้วน นายทะเบียนสิทธิบัตรจะต้องรับจดทะเบียนสิทธิบัตรดังกล่าว โดยไม่สามารถยกข้ออ้างเรื่องละเมิดสิทธิขึ้นมาได้
การประกาศโฆษณา
กฎหมายสิทธิบัตรกำหนดให้สำนักงานสิทธิบัตรประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรที่อยู่ระหว่างการพิจารณาภายใน 18 เดือนนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอครั้งแรกสุด ประเด็นที่สำคัญคือหากผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรยืนยันว่าการประดิษฐ์ของตนเองได้เปิดเผยในคำขอรับสิทธิบัตรซึ่งยื่นขอรับในประเทศอื่นที่ไม่ถูกบังคับให้ต้องประกาศโฆษณาภายใน 18 เดือนหลังจากวันที่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร จึงร้องขอไม่ประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรของตน สำนักงานสิทธิบัตรจะต้องไม่ประกาศโฆษณาคำขอนั้นในสหรัฐฯ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย Domestic Publication of Foreign Filed Patent Applications Act of 1999 ซึ่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร
การรับจดทะเบียนสิทธิบัตร (Patent Issuance)
แต่หากนายทะเบียนเห็นชอบด้วยกับเหตุผลของผู้ยื่นคำขอนายทะเบียนสิทธิบัตรก็จะรับจดทะเบียนสิทธิบัตร พร้อมกำหนดวันชำระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิบัตร ซึ่งการรับจดทะเบียนนี้จะห้ามมิให้ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรแก้ไขรายละเอียดการประดิษฐ์ โดยทั่วไปผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจะมีระยะเวลาสามเดือนนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งชำระค่าธรรมเนียมสิทธิบัตร บางครั้งสำนักงานสิทธิบัตรจะกำหนดให้มีการแก้ไขความถูกต้องครั้งสุดท้ายในการแก้ไขภาพวาด หากมีการชำระค่าธรรมเนียมรับจดทะเบียนสิทธิบัตรและแก้ไขให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนดจะถือว่าเป็นการละทิ้งคำขอ อย่างไรก็ตาม สำนักงานสิทธิบัตรอาจยอมรับการชำระค่าธรรมเนียมล่าช้าหากมีเหตุผลเพียงพอและมิได้ตั้งใจไม่ชำระค่าธรรมเนียม
โดยปกติสำนักงานสิทธิบัตรจะรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญสิทธิบัตรให้แก่ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรโดยเร็วหลังจากได้รับชำระค่าธรรมเนียมครบถ้วน โดยจะส่งทางไปรษณีย์
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนการชั้นสำนักงานสิทธิบัตร
ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสำหรับการจัดเตรียมการและยื่นคำขอสิทธิบัตรโดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะขอรับสิทธิบัตร ต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปในการจัดเตรียมและยื่นคำขอรับสิทธิบัตรประมาณ 5,000-7,000 เหรียญสหรัฐฯสำหรับสิทธิบัตรธรรมดาทั่วไป แต่หากเป็นคำขอรับสิทธิบัตรที่ซับซ้อนประมาณ 15,000-25,000 เหรียญสหรัฐฯ เช่น สิทธิบัตรเทคโนโลยีชีวภาพหรือสิทธิบัตรโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ต้นทุนดังกล่าวไม่รวมค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรของสำนักงานสิทธิบัตร
คำขอรับสิทธิบัตรส่วนใหญ่มักจะมีภาพวาดเพื่อแสดงการประดิษฐ์ ภาพวาดการประดิษฐ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามกฎหมาย ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปในการจัดเตรียมภาพวาดประมาณ 60-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อภาพวาดหนึ่งแผ่น
ค่าธรรมเนียมของสำนักงานสิทธิบัตรได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2004 ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจะขึ้นอยู่กับจำนวนข้อถือสิทธิที่ยื่นและประเภทของสิทธิบัตร ค่าใช้จ่ายในการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรทั่วไปที่มีข้อถือสิทธิไม่เกิน 20 ข้อซึ่งรวมข้อถือสิทธิหลัก 3 ข้อ เริ่มต้นที่ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่หากผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก (Small entity) ที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 500 คนและไม่ได้อนุญาตให้บริษัทขนาดใหญ่ใช้สิทธิในการประดิษฐ์จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมลงถึงกึ่งหนึ่ง
นอกจากค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรแล้ว เมื่อได้รับสิทธิบัตรผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต้องชำระค่าธรรมเนียมการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรจำนวนประมาณ 1,400 เหรียญสหรัฐฯ และค่าธรรมเนียมรักษาสิทธิ (maintenance fee) ในปีที่ 3.5, 7.5 และ 11.5 นับตั้งวันที่ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตร ซึ่งต้องชำระในอัตรา 900 เหรียญสหรัฐฯ 2,300 เหรียญสหรัฐฯและ 3,800 เหรียญสหรัฐฯตามลำดับ โดยทั่วไป คำขอรับสิทธิบัตรสหรัฐฯจะใช้ระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 24 เดือนในการรับจดทะเบียน
เมื่อผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรได้จัดเตรียมคำขอรับสิทธิบัตรและยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต่อสำนักงานสิทธิบัตรแล้ว สำนักงานสิทธิบัตรจะออกหมายเลข (application number) และวันที่ยื่น (filing date) ให้แก่ผู้ยื่นคำขอ และหลังจากนั้นคำขอรับสิทธิบัตรจะได้รับการพิจารณาจัดกลุ่มตามสาขาวิทยาการและเทคโนโลยี และจะแจกจ่ายไปยังนายทะเบียนสิทธิบัตรตามสาขาวิทยาการเชี่ยวชาญ หลังจากนั้น นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาตรวจสอบคำขอตามหลักเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปการตรวจสอบจะกระทำโดยการศึกษาคำขอรับสิทธิบัตรเปรียบเทียบกับเงื่อนไขที่กฎหมายกำหนดไว้และจะมีการสืบค้นจากสิทธิบัตรของสหรัฐฯและเอกสารสิทธิบัตรของต่างประเทศที่ปรากฏอยู่ก่อนวันที่ยื่นขอรับสิทธิบัตร รวมทั้งสืบค้นเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อพิจารณาว่าการประดิษฐ์ที่ขอคุ้มครองมีความใหม่และไม่ชัดแจ้ง นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาตามเอกสารที่สืบค้นได้
ในการทำคำสั่งจะทำการอ้างงานที่ปรากฏอยู่แล้วที่ดีที่สุดและระบุว่าการยอมรับหรือปฏิเสธข้อถือสิทธิแต่ละข้อ พร้อมทั้งอ้างข้อห้ามตามกฎหมายหากเป็นการปฏิเสธ นายทะเบียนสิทธิบัตรจะต้องกำหนดระยะเวลาเพื่อให้ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรชี้แจงด้วย นายทะเบียนจะส่งคำสั่งดังกล่าวไปยังชื่อและที่อยู่ตามที่ระบุไว้ในคำขอรับสิทธิบัตร ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นชื่อและที่อยู่ของทนายสิทธิบัตรในฐานะตัวแทนของผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตร ซึ่งมักเรียกว่าเป็นคำสั่งแรกของสำนักงานสิทธิบัตร (First Office Action) ทั้งนี้ โดยปกติระยะเวลาในการทำคำสั่งครั้งแรกจะต้องทำภายในเก้าเดือนนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ในทางปฏิบัตินั้นความช้าเร็วขึ้นอยู่กับสาขาวิทยาการของการประดิษฐ์
เมื่อนายทะเบียนสิทธิบัตรได้สั่งคำสั่งมายังผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรให้แก้ไขคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรต้องยื่นหนังสือตอบโต้หรือชี้แจง ซึ่งอาจมีการโต้แย้งคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตร โดยต้องมีเหตุผลในการขอแก้ไขประกอบในเอกสารก็ได้ โดยปกติผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรมักจะยื่นเอกสารดังต่อไปนี้
• การแก้ไขหรือยกเลิกข้อถือสิทธิหรือยื่นข้อถือสิทธิใหม่
• การแก้ไขรายละเอียดการประดิษฐ์หรือภาพวาด
• ข้อโต้แย้งว่าข้อถือสิทธิผ่านเงื่อนไขที่สามารถขอรับสิทธิบัตรได้
• คำแถลงการณ์ตามกฎว่าด้วยสิทธิบัตร (Patent Rule) ข้อ 131 เพื่อยืนยันวันที่ประดิษฐ์เป็นวันก่อนงานที่ปรากฏที่อ้างถึง จึงไม่ถือห้ามตามกฎหมาย
• คำแถลงการณ์ตามกฎว่าด้วยสิทธิบัตร (Patent Rule) ข้อ 132 เพื่อแสดงหลักฐานข้อเท็จจริงว่าการประดิษฐ์สามารถขอรับสิทธิบัตรได้ เช่น การประดิษฐ์ประสบความสำเร็จทางการค้า ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญ ตลาดมีความต้องการ และข้อมูลทดสอบระหว่างการประดิษฐ์กับงานที่ปรากฏอยู่แล้ว เป็นต้น
อนึ่ง ในการยื่นขอแก้ไขคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นคำข้อจะต้องไม่เพิ่มเติมสิ่งใหม่เข้าไปในคำขอรับสิทธิบัตร สิ่งใหม่ที่ยื่นเพิ่มเติมเข้าไปจะถูกปฏิเสธ ตามกฎหมายสิทธิบัตร การแก้ไขภาพวาดและรายละเอียดการประดิษฐ์ต้องปฏิบัติตามส่วนของคำขอรับสิทธิบัตรที่ยื่นไว้เดิม
การตอบของผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรนั้นต้องกระทำภายในระยะเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยทั่วไปจะเป็นระยะเวลาสามเดือนหลังจากที่มีคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรแต่ระยะเวลาดังกล่าวสามารถขยายได้หนึ่งเดือนแต่ทั้งหมดต้องไม่เกินหกเดือน การขยายระยะเวลาในแต่ละเดือนจะต้องชำระค่าธรรมเนียมเพิ่มเติม หากไม่มีการตอบคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรให้ถือว่าเป็นการละทิ้งคำขอรับสิทธิบัตรนั้น เว้นแต่เป็นกรณีที่พิสูจน์ได้ว่าไม่ได้เจตนาหรือเป็นกรณีที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นายทะเบียนสิทธิบัตรสามารถยกคำขอสิทธิบัตรขึ้นพิจารณาใหม่ได้ แต่ผู้ยื่นคำรับสิทธิบัตรต้องชำระค่าธรรมเนียมคำร้องดังกล่าว
หลังจากผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรได้ตอบกลับไปยังสำนักงานสิทธิบัตรแล้ว นายทะเบียนสิทธิบัตรจะพิจารณาทบทวนคำขอรับสิทธิบัตรตามคำตอบโต้ของผู้ยื่นคำขอ และผู้ยื่นคำขอจะได้รับคำสั่งครั้งที่สอง หากข้อถือสิทธิยังคงถูกปฏิเสธหรือไม่ผ่านเงื่อนไขตามกฎหมาย ซึ่งโดยปกติมักจะถือว่าเป็นคำสั่งครั้งสุดท้าย ซึ่งนายทะเบียนสิทธิบัตรจะระบุเหตุผลทั้งหมดของการปฏิเสธข้อถือสิทธิ ทั้งนี้ หากคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตรที่ถือเป็นที่สุด ผู้ยื่นคำขอจะถูกจำกัดในการโต้แย้ง โดยจะสามารถดำเนินการได้ดังต่อไปนี้เท่านั้น
• ละทิ้งคำขอรับสิทธิบัตรโดยไม่ตอบตามระยะเวลาที่กำหนดและสามารถยื่นคำขอรับสิทธิบัตรแบบต่อเนื่อง (continuation in part application) เพื่อจะให้มีการตรวจสอบดำเนินต่อไป
• ยกเลิกข้อถือสิทธิที่ถูกปฏิเสธเพื่อจะได้ดำเนินการออกสิทธิบัตรต่อไปในส่วนของข้อถือสิทธิที่ได้รับการยอมรับ
• อุทธรณ์คำสั่งปฏิเสธครั้งสุดท้ายต่อคณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้าน (Board of Patent Appeals and Interferences)
ในการตอบคำสั่งสุดท้ายของนายทะเบียนสิทธิบัตรนั้น ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต้องยื่นคำขอภายในหกเดือนนับตั้งแต่วันที่ได้รับคำสั่งของนายทะเบียนสิทธิบัตร
ในกรณีที่คณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้านไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรอาจอุทธรณ์ต่อไปได้ต่อศาลอุทธรณ์กลางของสหพันธรัฐหรืออาจฟ้องร้องคำสั่งของคณะกรรมการอุทธรณ์สิทธิบัตรและการคัดค้านต่อศาลชั้นต้นของสหพันธรัฐในเขตวอชิงตัน ดีซี (US District Court in Washington D.C.) ก็ได้
อนึ่ง ในระหว่างการสืบค้นและตรวจสอบคำขอรับสิทธิบัตรนั้น สำนักงานสิทธิบัตรไม่มีอำนาจในการพิจารณาเกี่ยวกับการละเมิดสิทธิบัตรแต่ประการใด แม้ว่าการประดิษฐ์ที่พัฒนาขึ้นจากสิทธิบัตรที่ปรากฏอยู่แล้วก็อาจได้รับความคุ้มครองตามสิทธิบัตร หากผ่านเงื่อนไขตามที่กฎหมายไว้อย่างครบถ้วน นายทะเบียนสิทธิบัตรจะต้องรับจดทะเบียนสิทธิบัตรดังกล่าว โดยไม่สามารถยกข้ออ้างเรื่องละเมิดสิทธิขึ้นมาได้
การประกาศโฆษณา
กฎหมายสิทธิบัตรกำหนดให้สำนักงานสิทธิบัตรประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรที่อยู่ระหว่างการพิจารณาภายใน 18 เดือนนับตั้งแต่วันที่ยื่นคำขอครั้งแรกสุด ประเด็นที่สำคัญคือหากผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรยืนยันว่าการประดิษฐ์ของตนเองได้เปิดเผยในคำขอรับสิทธิบัตรซึ่งยื่นขอรับในประเทศอื่นที่ไม่ถูกบังคับให้ต้องประกาศโฆษณาภายใน 18 เดือนหลังจากวันที่ยื่นคำขอรับสิทธิบัตร จึงร้องขอไม่ประกาศโฆษณาคำขอรับสิทธิบัตรของตน สำนักงานสิทธิบัตรจะต้องไม่ประกาศโฆษณาคำขอนั้นในสหรัฐฯ ทั้งนี้เป็นไปตามกฎหมาย Domestic Publication of Foreign Filed Patent Applications Act of 1999 ซึ่งแก้ไขปรับปรุงกฎหมายสิทธิบัตร
การรับจดทะเบียนสิทธิบัตร (Patent Issuance)
แต่หากนายทะเบียนเห็นชอบด้วยกับเหตุผลของผู้ยื่นคำขอนายทะเบียนสิทธิบัตรก็จะรับจดทะเบียนสิทธิบัตร พร้อมกำหนดวันชำระค่าธรรมเนียมจดทะเบียนสิทธิบัตร ซึ่งการรับจดทะเบียนนี้จะห้ามมิให้ผู้ยื่นขอรับสิทธิบัตรแก้ไขรายละเอียดการประดิษฐ์ โดยทั่วไปผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจะมีระยะเวลาสามเดือนนับตั้งแต่วันที่ได้รับหนังสือแจ้งชำระค่าธรรมเนียมสิทธิบัตร บางครั้งสำนักงานสิทธิบัตรจะกำหนดให้มีการแก้ไขความถูกต้องครั้งสุดท้ายในการแก้ไขภาพวาด หากมีการชำระค่าธรรมเนียมรับจดทะเบียนสิทธิบัตรและแก้ไขให้เรียบร้อยภายในระยะเวลาที่กำหนดจะถือว่าเป็นการละทิ้งคำขอ อย่างไรก็ตาม สำนักงานสิทธิบัตรอาจยอมรับการชำระค่าธรรมเนียมล่าช้าหากมีเหตุผลเพียงพอและมิได้ตั้งใจไม่ชำระค่าธรรมเนียม
โดยปกติสำนักงานสิทธิบัตรจะรับจดทะเบียนและออกใบสำคัญสิทธิบัตรให้แก่ผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรโดยเร็วหลังจากได้รับชำระค่าธรรมเนียมครบถ้วน โดยจะส่งทางไปรษณีย์
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินกระบวนการชั้นสำนักงานสิทธิบัตร
ค่าใช้จ่ายทางกฎหมายสำหรับการจัดเตรียมการและยื่นคำขอสิทธิบัตรโดยขึ้นอยู่กับสิ่งที่จะขอรับสิทธิบัตร ต้นทุนค่าใช้จ่ายโดยทั่วไปในการจัดเตรียมและยื่นคำขอรับสิทธิบัตรประมาณ 5,000-7,000 เหรียญสหรัฐฯสำหรับสิทธิบัตรธรรมดาทั่วไป แต่หากเป็นคำขอรับสิทธิบัตรที่ซับซ้อนประมาณ 15,000-25,000 เหรียญสหรัฐฯ เช่น สิทธิบัตรเทคโนโลยีชีวภาพหรือสิทธิบัตรโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ทั้งนี้ ต้นทุนดังกล่าวไม่รวมค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรของสำนักงานสิทธิบัตร
คำขอรับสิทธิบัตรส่วนใหญ่มักจะมีภาพวาดเพื่อแสดงการประดิษฐ์ ภาพวาดการประดิษฐ์ต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขตามกฎหมาย ค่าธรรมเนียมโดยทั่วไปในการจัดเตรียมภาพวาดประมาณ 60-120 เหรียญสหรัฐฯ ต่อภาพวาดหนึ่งแผ่น
ค่าธรรมเนียมของสำนักงานสิทธิบัตรได้เพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 8 ธันวาคม 2004 ค่าธรรมเนียมการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรจะขึ้นอยู่กับจำนวนข้อถือสิทธิที่ยื่นและประเภทของสิทธิบัตร ค่าใช้จ่ายในการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรทั่วไปที่มีข้อถือสิทธิไม่เกิน 20 ข้อซึ่งรวมข้อถือสิทธิหลัก 3 ข้อ เริ่มต้นที่ 1,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่หากผู้ยื่นคำขอเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก (Small entity) ที่มีลูกจ้างน้อยกว่า 500 คนและไม่ได้อนุญาตให้บริษัทขนาดใหญ่ใช้สิทธิในการประดิษฐ์จะได้รับการลดหย่อนค่าธรรมเนียมลงถึงกึ่งหนึ่ง
นอกจากค่าธรรมเนียมในการยื่นคำขอรับสิทธิบัตรแล้ว เมื่อได้รับสิทธิบัตรผู้ยื่นคำขอรับสิทธิบัตรต้องชำระค่าธรรมเนียมการรับจดทะเบียนสิทธิบัตรจำนวนประมาณ 1,400 เหรียญสหรัฐฯ และค่าธรรมเนียมรักษาสิทธิ (maintenance fee) ในปีที่ 3.5, 7.5 และ 11.5 นับตั้งวันที่ได้รับจดทะเบียนสิทธิบัตร ซึ่งต้องชำระในอัตรา 900 เหรียญสหรัฐฯ 2,300 เหรียญสหรัฐฯและ 3,800 เหรียญสหรัฐฯตามลำดับ โดยทั่วไป คำขอรับสิทธิบัตรสหรัฐฯจะใช้ระยะเวลาเฉลี่ยประมาณ 24 เดือนในการรับจดทะเบียน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น