วันพุธที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2556

ความรับผิดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก (GPS)

ในปี ค.ศ. 1973 รัฐบาลสหรัฐอเมริกาเริ่มพัฒนาระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก (Global Positioning System หรือ GPS) และเริ่มดำเนินงานเต็มที่ในปี ค.ศ. 1994 วัตถุประสงค์ของการออกแบบระบบนี้ในเบื้องต้นคือ เพื่อเสริมสร้างและพัฒนาขีดความสามารถในการนำทางของฝ่ายทหารเท่านั้น ต่อมาในปี ค.ศ. 1983 หลังจากที่ระบบเทคโนโลยีสื่อสารและนำทางของภาคการบินพลเรือนเกิดข้อผิดพลาด อันทำให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ประกอบการสายการบินพาณิชย์หนึ่ง โดยเครื่องบินพาณิชย์ถูกยิงตกในน่านฟ้าของสหพันธรัฐรัฐเซีย เนื่องจากบินผิดเส้นทางจากการสื่อสารที่ผิดพลาด ประธานาธิบดีเรแกนจึงได้มีคำสั่งอนุญาตให้ภาคพลเรือนสามารถใช้งานระบบดังกล่าวได้ทั่วโลก หากมีการพัฒนาสมบูรณ์แล้ว เพื่อลดปัญหาข้อผิดพลาดในการนำทาง ดังนั้น ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกจึงสามารถใช้งานได้ทั่วโลกโดยไม่มีการเรียกเก็บค่าใช้จ่ายใด ๆ แก่ผู้ใช้บริการ
นับตั้งแต่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้เปิดให้บริการระบบดังกล่าวเป็นการทั่วไป เกิดคำถามหากระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกเกิดผิดพลาดหรือล้มเหลวขึ้นมา รัฐบาลสหรัฐอเมริกาต้องรับผิดชอบหรือไม่ เพราะผู้ใช้บริการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกส่วนหนึ่งอยู่นอกอาณาเขตสหรัฐอเมริกา คำถามว่าความรับผิดของสหรัฐอเมริกาของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกจะขยายไปยังผู้ใช้บริการทั้งคนชาติสหรัฐอเมริกาและไม่ใช่คนชาติอเมริกาหรือไม่

คำถามของความรับผิดของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกสามารถแบ่งได้สามประเภท ประเภทแรกคือผู้ผลิตชิ้นส่วนดาวเทียมและส่วนประกอบของดาวเทียมของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกทางกายภาพ ประเภทที่สองคือรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในฐานะเป็นเจ้าของและดำเนินงานระบบ ประเภทสามคือผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์และซอฟแวร์ที่จำเป็นในการเข้าถึงและใช้ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ในบทความนี้จะศึกษาความรับผิดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในฐานะเจ้าของและผู้ให้บริการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกที่มีต่อการใช้งานของพลเรือนเท่านั้น  โดยจะพิจารณาตามกฎหมาย

กฎหมายสัญญา (contract law)
ตามหลักการพื้นฐานของกฎหมายสัญญา เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอนุญาตและกำหนดการเข้าถึงบริการโดยไม่เรียกเก็บค่าใช้จ่าย และรัฐบาลไม่ได้มีการจัดทำสัญญาหรือข้อตกลงกับคู่กรณีภายในประเทศหรือต่างประเทศสำหรับการใช้งานดังกล่าว ดังนั้น ไม่เพียงไม่มีพื้นฐานสำหรับการกระทำโดยตรงในสัญญาต่อสหรัฐอเมริกา เพราะไม่มีสัญญาระหว่างกัน และไม่มีพื้นฐานในการกระทำในฐานะสัญญาผู้รับประโยชน์บุคคลที่สามต่อสหรัฐอเมริกา ประกอบกับในทางเทคนิคนั้น การอนุญาตและเปิดการเข้าถึงบริการของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ยากหรืออาจจะเป็นไปไม่ได้เลยที่สหรัฐอเมริกาที่จะตรวจสอบว่าบุคคลใดเป็นผู้ใช้งานระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก อย่างไรก็ตามความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในฐานะเจ้าของและผู้ให้บริการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกอาจถือว่าเป็นความสัมพันธ์เชิงสัญญาทางอ้อม (implied contract) ตามหลักกฎหมายคอมมอนลอว์ แต่ก็ยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ เพราะหากศาลยอมรับหลักการดังกล่าว อาจมีการเรียกร้องให้รัฐบาลในฐานะเจ้าของและผู้ให้บริการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกต้องพิจารณาพัฒนาปรับปรุงระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกให้มีประสิทธิภาพเพื่อลดความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้งานระบบดังกล่าว

กฎหมายละเมิด (torts)
ข้อกฎหมายที่อาจมีความเป็นไปได้ประการหนึ่งคือกฎหมายละเมิด แต่ก็มีปัญหาในการเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น เนื่องจากรัฐบาลสหรัฐอเมริกาอาจโต้แย้งความรับผิด โดยการอ้างการคุ้มกันจากความรับผิดภายใต้หลักการคุ้มกันอธิปไตย (sovereign immunity) แต่ก็มิใช่ปัญหาเสียทีเดียวเพราะมีทั้งกฎหมายลายลักษณ์อักษรและสนธิสัญญาจำนวนหนึ่งที่รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สละการคุ้มกันอธิปไตยในบางการกระทำ ในการฟ้องร้องดำเนินคดีผู้เสียหายอาจต้องสืบหาการสละการคุ้มกันอธิปไตยจากกฎหมายลายลักษณ์อักษรและสนธิสัญญา รวมทั้งกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องของต่างชาติ กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางทหาร อนุสัญญาว่าด้วยความรับผิดระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายเกิดจากวัตถุอวกาศ การฟ้องร้องในกฎหมายพาณิชย์นาวี และกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐ

กฎหมายว่าด้วยฟ้องร้องของต่างชาติ (Foreign Claims Act)
กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องของต่างชาติไม่ได้สละการคุ้มกันอธิปไตยในตัวเอง แต่อนุญาตให้มีการฟ้องร้องทางปกครองต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาโดยคนต่างชาติสำหรับความเสียหายต่อร่างกายและทรัพย์สินที่เกิดขึ้นนอกอาณาเขตของสหรัฐอเมริกาที่เกิดจากกิจกรรมไม่ใช่ทหารโดยเจ้าหน้าที่ทหารและพลเรือนของทหารของสหรัฐอเมริกาไม่ว่าจะกระทำภายในขอบเขตของการว่างจ้างหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกดำเนินการโดยหน่วยงานทางทหารของสหรัฐอเมริกา จึงอาจฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากการประมาทเลินเล่อหรือกระทำโดยจงใจของรัฐบาลสหรัฐที่ดำเนินการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ซึ่งเป็นหนทางในการให้การเยียวยาทางกฎหมายทางหนึ่ง
อย่างไรก็ตาม ในการนำคดีฟ้องร้องตามกฎหมายนี้ ผู้ฟ้องร้องอาจต้องอ้างอิงข้อเรียกร้องว่าเป็นการกระทำของบุคคลเฉพาะรายและต้องไม่ใช่ข้อบกพร่องของระบบ ซึ่งอาจเป็นการยากที่จะพิสูจน์ นอกจากนี้ การเรียกร้องความเสียหายอาจจำกัดเพียง 100,000 เหรียญสหรัฐฯ และการเยียวยาให้การชดเชยเฉพาะการบาดเจ็บแก่บุคคลและความเสียหายจากทรัพย์สิน กฎหมายฉบับนี้ไม่ได้ให้ค่าชดเชยกรณีความสูญเสียทางเศรษฐกิจ

กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางทหาร (Military Claims Act)
กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางทหารอนุญาตให้มีการฟ้องร้องทางปกครองต่อรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในกรณีคนชาติอเมริกันและบุคคลอื่นซึ่งที่ไม่มีข้อเรียกร้องตามกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องของต่างชาติสำหรับความเสียหายแก่บุคคลและทรัพย์สินที่เกิดจากกิจกรรมที่มิใช่การทหารและเจ้าหน้าที่พลเรือนของทหารสหรัฐอเมริกา กล่าวคือบุคคลที่ได้รับความเสียหายดังกล่าวถูกกระทำภายในขอบเขตของการจ้างหรือไม่ หากกฎหมายข้อเรียกร้องต่างชาติยอมให้มีการเรียกร้องโดยคนต่างชาติกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางทหารยอมให้มีการเรียกร้องโดยคนชาติอเมริกา เนื่องจากกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องของต่างชาติ ข้อเรียกร้องเหล่านี้อิงการกระทำทางทหาร แต่เพราะระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกดำเนินการโดยทหารสหรัฐอเมริกา ซึ่งอาจเป็นแหล่งความรับผิดสำหรับความเป็นเจ้าของและดำเนินการของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกของสหรัฐอเมริกา กรณีคล้ายคลึงกับกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องของต่างชาติ ข้อเรียกร้องถูกจำกัดไม่เกินวงเงิน 100,000 เหรียญสหรัฐฯและการเยียวยาให้เฉพาะความเสียหายที่เกิดจากการบาดเจ็บร่างกายและทรัพย์สิน นอกจากนี้ กฎหมายนี้ไม่ได้ชดเชยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ

การฟ้องร้องในกฎหมายพาณิชย์นาวี (Suits in Admiralty Act)
กฎหมายพาณิชย์นาวีอนุญาตให้มีการฟ้องร้องรัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้ เนื่องจากรัฐบาลได้สละการคุ้มกันอธิปไตยสำหรับกรณีฟ้องร้องตามบทบัญญัติพาณิชย์นาวีที่เกิดในเขตทะเลหลวงหรือน่านน้ำของสหรัฐอเมริกา โดยมีการเทียบเคียงว่า หากหน่วยงานรัฐบาลเข้าทำการซ่อมบำรุงประภาคาร และเกิดความเสียหายขึ้นจากการหยุดการใช้งานประภาคารหรืออุปกรณ์สื่อสารมีข้อบกพร่อง รัฐบาลอาจต้องรับผิดตามกฎหมายนี้ ดังนั้น จึงอาจมีความเป็นไปได้ว่าหากระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกถูกใช้ในการเดินทะเล และเกิดความเสียหายขึ้นจากการที่ระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกทำงานบกพร่องส่งผลให้ผู้ใช้งานหลงทางในทะเล ก็อาจนำมาฟ้องร้องตามกฎหมายนี้ได้ อย่างไรก็ตามข้อจำกัดตามกฎหมายนี้คือ การจำกัดความเสียหายต่อบุคคลและทรัพย์สิน แต่ไม่ชดเชยความสูญเสียทางเศรษฐกิจ

อนุสัญญาความรับผิดระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุอวกาศ (Convention on International Liability for Damage Caused by Space Objects)
สหรัฐอเมริกากับประเทศอื่นที่ให้สัตยาบรรณอนุสัญญาว่าด้วยความรับผิดระหว่างประเทศสำหรับความเสียหายที่เกิดจากวัตถุอวกาศเป็นความรับผิดที่จำกัดสำหรับวัตถุที่มาจากอวกาศโดยประเทศที่เป็นสาเหตุก่อให้เกิดความเสียหายบนพื้นผิวโลกหรือต่ออากาศยานในระหว่างการบินโดยวัตถุอวกาศ อนุสัญญาฉบับนี้ไม่น่าจะเป็นฐานอ้างอิงที่ก่อให้เกิดความรับผิดของรัฐบาลสำหรับระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ประการแรกข้อเรียกร้องไม่สามารถดำเนินการโดยบุคคล แต่ต้องฟ้องร้องโดยรัฐที่เป็นคู่สัญญาในอนุสัญญา นอกจากนี้ ภาษาของอนุสัญญาและการแสดงออกของอนุสัญญาและผู้วิจารณ์ทั้งหมดเสนอแนะว่าอนุสัญญาหมายความถึงการครอบคลุมความเสียหายทางกายภาพโดยตรง ณ ผิวโลกที่เกิดจากการทำงานผิดพลาดระหว่างการปล่อยหรือความล้มเหลวของวัตถุในการเผาไหม้ตอนตกกลับเข้ามา ซึ่งปรากฏในการขจัดความเสียหายที่เกิดจากการพลาดหรือไม่ถูกต้องของการให้สัญญาณทางอิเล็กทรอนิกส์ที่เกิดจากระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก

กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐ (Federal Tort Claims Act)
ภายใต้กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐ รัฐบาลสหรัฐอเมริกาได้สละการคุ้มกันอธิปไตยสำหรับ “ความเสียหายหรือสูญเสียของทรัพย์สิน หรือการบาดเจ็บบุคคลหรือตายที่เกิดจากการประมาทหรือการกระทำที่ไม่ชอบหรือละเว้นของลูกจ้างของรัฐบาล ในขณะที่การกระทำภายในขอบเขตของการทำงานหรือการจ้างภายใต้ขอบเขตของรัฐบาล หากบุคคลเอกชนอาจรับผิดชอบต่อผู้เรียกร้องตามกฎหมายของสถานที่ที่การกระทำหรือการละเว้นเกิดขึ้น”
กฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐเป็นแหล่งความรับผิดที่ใกล้เคียงที่สุดสำหรับรัฐบาลสหรัฐในการเป็นเจ้าของและดำเนินการระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก แต่จำนวนข้อยกเว้นอาจทำให้การเยียวยาสำหรับความล้มเหลวของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกเป็นความซับซ้อนของกฎระเบียบที่ต้องมีการเจรจาก่อการเยียวยาจะเป็นไปได้ ประการแรกข้อเรียกร้องต้องกำหนดการกระทำเฉพาะของบุคคลที่จ้างโดยรัฐบาลสหพันธรัฐ ดังนั้น ความล้มเหลวของระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกโดยปราศจากเหตุที่เป็นคุณสมบัติของการกระทำหรือละเว้นกระทำการของบุคคลที่ไม่อาจนำข้อเรียกร้องภายในขอบเขตของกฎหมายข้อเรียกร้องทางละเมิดสหพันธรัฐ ประการที่สอง การกระทำที่ผิดต้องมิใช่การกระทำที่จงใจ มาตรฐานคือการประมาทเลินเล่อ ประการที่สามการกระทำต้องไม่เป็นข้อยกเว้นการทำงานโดยใช้ดุลพินิจต่อกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดสหพันธรัฐ ข้อยกเว้นดังกล่าวขึ้นอยู่กับการกระทำหรือละเว้นการกระทำของลูกจ้างของรัฐบาล การใช้อำนาจด้วยความระมัดระวังที่ชอบ ในการบริหารจัดการกฎหมายและระเบียบว่ากฎระเบียบชอบด้วยกฎหมายหรืออิงการดำเนินงานหรือความล้มเหลวในการบริหารหรือดำเนินการทำงานโดยใช้ดุลพินิจหรือหน้าที่ในส่วนของหน่วยงานรัฐบาลกลางหรือลูกจ้างของรัฐบาลว่าการใช้ดุลพินิจเกี่ยวข้องเป็นไปโดยมิชอบ
ปรากฏจำนวนคดีมากมายในเรื่องข้อยกเว้นการใช้ดุลพินิจของกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐ แต่อาจสรุปเป็นการป้องกันสหรัฐอเมริกาสำหรับข้อเรียกร้องอิงการกระทำหรือละเว้นการกระทำของลูกจ้างของรัฐบาล การใช้ความระมัดระวังโดยชอบ ในการดำเนินงานกฎหมายหรือระเบียบว่ากฎหมายหรือระเบียบชอบหรือไม่ หรืออิงการใช้อำนาจหรือดำเนินการหรือความล้มเหลวในการใช้อำนาจดุลพินิจหรือหน้าที่ของส่วนหน่วยงานสหพันธรัฐหรือลูกจ้างของรัฐบาลไม่ว่าการใช้ดุลพินิจที่เกี่ยวข้องจะชอบหรือไม่ก็ตาม ผลทำให้เกิดว่าลูกจ้างใช้ดุลพินิจในการตัดสินใจที่นำไปสู่ความเสียหาย การกระทำหรือละเว้นการกระทำต้องเป็นหนึ่งในการประมาทและไม่ใช่การตัดสินใจที่ผิดในการใช้ดุลพินิจของการจ้างงาน
ข้อจำกัดที่สี่ของกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดสหพันธรัฐคือการไม่สามารถใช้บังคับข้อเรียกร้องที่เกิดขึ้นในต่างประเทศ ซึ่งไม่อาจห้ามคู่กรณีต่างชาติที่ได้รับความเสียหายโดยระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ตัวอย่าง ใน In re Paris Air Crash of March 3, 1974 ศาลตัดสินว่าข้อเรียกร้องต้องไม่ถูกห้ามตามกฎหมายข้อเรียกร้องทางละเมิดสหพันธรัฐ ว่าอุบัติเหตุการชนดังกล่าวเกิดขึ้นในฝรั่งเศส สาเหตุของอุบัติเหตุเกิดจากการอนุมัติที่ผิดพลาดของการประกันการตรวจสอบอากาศยานในมลรัฐแคริฟอร์เนีย
คล้ายกับข้อโต้แย้งที่อ้างว่าแม้ว่าความเสียหายอาจเกิดในต่างประเทศ หากสาเหตุของความเสียหายเกิดขึ้นคือการรับสัญญาณระบบผิดพลาดหรือบกพร่องเริ่มต้นจากสหรัฐอเมริกา สาเหตุความเสียหายเกิดในสหรัฐอเมริกา แม้ว่าข้อยกเว้นของกฎหมายข้อเรียกร้องทางละเมิดสหพันธรัฐจะให้ข้อจำกัดความรับผิดบางอย่างสำหรับรัฐบาลในกรณีระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกล้มเหลว แม้ว่าขอบเขตจำกัดสามารถหายไปได้หากรัฐสภาเพิ่มข้อยกเว้นกฎหมายว่าด้วยการฟ้องร้องทางละเมิดของสหพันธรัฐที่ห้ามข้อเรียกร้องที่เกิดจากระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลก ข้อยกเว้นดังกล่าวเกิดขึ้น เช่น บริการไปรษณีย์
โดยสรุป ในปัจจุบัน ความรับผิดของรัฐบาลสหรัฐอเมริกาในฐานะเจ้าของและผู้ดำเนินงานระบบกำหนดตำแหน่งทั่วโลกในทางกฎหมายยังไม่มีความชัดเจนโดยเฉพาะอย่างยิ่งความรับผิดต่อบุคคลที่อยู่นอกอาณาเขตของสหรัฐอเมริกามีกฎหมายหลายฉบับที่ดูเหมือนว่าจะเปิดให้มีการฟ้องร้องได้ แต่ก็มีเงื่อนไขและข้อจำกัดในการเรียกร้องค่าเสียหายอยู่ จึงต้องติดตามความคืบหน้าต่อไปเนื่องจากปัจจุบันยังไม่มีการฟ้องร้องเกิดขึ้น

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น