วันพุธที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2567

แนวคิดอำนาจอธิปไตยทางดิจิทัลในสหภาพยุโรป

 ไม่มีที่ไหนที่มีการเรียกร้องอธิปไตยทางดิจิทัลที่รุนแรงไปกว่ายุโรป ในช่วงต้นปี ค.ศ. ๒๐๐๖ ประธานาธิบดี Jacques Chirac ของประเทศฝรั่งเศสเรียกร้องให้ชาวยุโรปพัฒนาความสามารถในการค้นหาข้อมูลของชนพื้นเมืองเพื่อตอบสนองต่อความท้าทายระดับโลกที่เกิดจาก Google และ Yahoo ในช่วงต้นปี ค.ศ. ๒๐๑๐ รัฐบาลฝรั่งเศสส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับการสูญเสียอำนาจอธิปไตยต่อหน้าบริษัทเทคโนโลยีต่างประเทศ ฟร็องซัว ฟียง ซึ่งเป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ตั้งข้อสังเกตว่าในส่วนที่เกี่ยวกับประมวลผลแบบคลาวด์บริษัทสหรัฐฯเหนือครองตลาดนี้ ซึ่งถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของเศรษฐกิจของยุโรป ซึ่งมีผลต่ออธิปไตยของประเทศ จึงมีการนำเสนอนโยบายส่งเสริม “Le Cloud Souverain” หรือ “Sovereign Cloud” ผ่านการร่วมมือกับบริษัทประมวลผลแบบคลาวด์เพื่อสนับสนุนการจ้างงานในประเทศ และในปี ค.ศ. ๒๐๑๓ รัฐบาลฝรั่งเศสได้ประกาศนโยบายสร้างฝรั่งเศสแห่งอธิปไตยทางดิจิทัล เพื่อทำให้ฝรั่งเศสเป็นผู้นำระดับโลก ในด้านข้อมูลขนาดใหญ่ (Anupam Chander and Haochen Sun, 2021: 15)

สาเหตุที่ทำให้ยุโรปตระหนักถึงความสำคัญของอธิปไตยทางดิจิทัลคือ ยุโรปกำลังเสียเปรียบในการแข่งขัน ขณะที่สหภาพยุโรปมีบริษัทโทรคมนาคมระดับชาติที่เข้มแข็ง และมีบริษัทซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์รายใหญ่เพียงไม่กี่แห่ง ตัวอย่างเช่น บริษัท SAP, Nokia, Spotify, Booking.com, Ericsson แต่ไม่มีบริษัทใดในสหภาพยุโรปที่อยู่ในกลุ่มยักษ์ใหญ่ เช่น บริษัท Amazon, Microsoft, Facebook , Apple หรือ Google ได้เลย บริษัทแพลตฟอร์มดิจิทัลในสหภาพยุโรปก็มีบริษัทเพียงสิบแห่งใน ๑๐๐ อันดับแรกของโลก และคิดเป็นเพียงร้อยละ ๓ ของมูลค่าทั้งหมด ตามรายงาน Digital Compass ของคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวว่า “เทคโนโลยีดิจิทัลส่วนใหญ่ถูกพัฒนานอกสหภาพยุโรป” โดย ๙๐% ของข้อมูลในสหภาพยุโรปถูกจัดการโดยบริษัทในสหรัฐฯ และไมโครชิปที่ผลิตโดยสหภาพยุโรปคิดเป็นสัดส่วนเพียง ๑๐% ของตลาดยุโรป

นโยบายที่ชัดเจนในเรื่องนี้คือสหภาพยุโรปได้ประกาศหลักอธิปไตยทางดิจิทัลผ่านกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่เข้มงวด กฎหมายคุ้มครองข้อมูลของสหภาพยุโรปไม่เพียงแต่ครอบคลุมบริษัทที่อยู่ในสหภาพยุโรป แต่ยังครอบคลุมถึงบริษัทต่างชาติที่กำหนดเป้าหมายไปที่ผู้อยู่อาศัยในสหภาพยุโรปและประมวลผลข้อมูลเกี่ยวกับบุคคล และต่อมา รัฐบาลเยอรมันประกาศในปี ค.ศ. ๒๐๒๐ ว่าจะสถาปนาอธิปไตยทางดิจิทัลในฐานะที่เป็นแรงจูงใจสำคัญของนโยบายดิจิทัลของยุโรป และคณะกรรมาธิการยุโรปได้ประกาศเจตนาในทำนองเดียวกันที่จะเสริมสร้างอธิปไตยทางดิจิทัลและกำหนดมาตรฐานของตนเองแทนที่จะปฏิบัติตามมาตรฐานของผู้อื่น (Anupam Chander and Haochen Sun, 2021: 16)  

สหภาพยุโรปได้ประกาศจัดตั้งโครงการ Digital Europe ในปี ค.ศ. ๒๐๒๑ พร้อมอนุมัติงบประมาณ ๗.๕ พันล้านเหรียญยูโรเพื่อเร่งการฟื้นฟูเศรษฐกิจสหภาพยุโรปหลังวิกฤตโควิด และกำหนดแนวทางการเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจและสังคมดิจิทัลของสหภาพยุโรป มุ่งพัฒนาดิจิทัลโซลูชั่นใหม่ ๆ ออกสู่ตลาดเพื่อประโยชน์ของประชาชน ภาครัฐ และภาคธุรกิจ โดยเฉพาะการส่งเสริมและพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมให้เหมาะสมกับยุคดิจิทัล โดยประกอบด้วยสามโครงการย่อยในระยะแรก ดังนี้

๑. โครงการหลัก (Main Work Programme) ได้รับจัดสรรงบประมาณ ๑.๓๘ พันล้านยูโร เพื่อเน้นการลงทุนในสาขาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) เทคโนโลยีคลาวด์ เทคโนโลยีการจัดเก็บข้อมูล โครงสร้างพื้นฐานของการสื่อสารเชิงควอนตัม การพัฒนาทักษะดิจิทัลขั้นสูง และการส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในทุกภาคส่วนของเศรษฐกิจและสังคมของ รวมถึงพัฒนาศักยภาพเชิงดิจิทัลให้แก่กลุ่มธุรกิจขนาดกลางและเล็ก รวมทั้งให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ที่มีจริยธรรม ปลอดภัยและเชื่อถือได้ เพื่อนำมาใช้เป็นทางออกในการแก้ปัญหาทางสังคมต่าง ๆ อาทิ ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และรองรับการโอนถ่ายข้อมูล/การบำรุงรักษาระบบการจัดการข้อมูลราชการข้ามพรมแดน เพื่อสนับสนุนการบริหารราชการระหว่างประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป อาทิ การริเริ่มให้บริการบัตรประชาชนดิจิทัลยุโรป (European Digital Identity) เพื่อเป็นการจัดเก็บและเข้าถึงเอกสารราชการในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์ที่เป็นรูปแบบมาตรฐานเดียวกันของสหภาพยุโรป ซึ่งจะสามารถอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนในการขอรับบริการสาธารณะต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องแสดงหลักฐานยืนยันบุคคล ไม่ว่าจะเป็นการเปิดบัญชีธนาคาร การยื่นเอกสารภาษี การจัดเก็บใบสั่งยาที่ใช้ได้ทุกที่ในยุโรป หรือ การเช่ารถโดยใช้ใบขับขี่อิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น

๒. โครงการด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ ได้รับจัดสรรงบประมาณ ๒๖๙ ล้านยูโรเพื่อเน้นการลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานชั้นสูงสำหรับอุปกรณ์ เครื่องมือ และการจัดเก็บข้อมูลที่ปลอดภัย รวมทั้งการพัฒนาทักษะความรู้ที่เกี่ยวข้องกับความปลอดภัยทางไซเบอร์ การแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดี และสนับสนุนการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในตลาดสหภาพยุโรป

๓. โครงการศูนย์นวัตกรรมดิจิทัลแห่งยุโรป (European Digital Innovation Hubs) ได้รับจัดสรรงบประมาณ ๓๒๗ ล้านยูโรเพื่อดำเนินการจัดตั้งเครือข่ายนวัตกรรมดิจิทัลแห่งยุโรป ให้ทุกภาคส่วนในสหภาพยุโรปสามารถเข้าถึงการทดสอบการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ และเข้าถึงการช่วยเหลือในการเปลี่ยนผ่านทางดิจิทัลภายในองค์กรภาครัฐ ทั้งในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค และระดับท้องถิ่น รวมถึงภาคเอกชนทั่วทั้งยุโรป

กล่าวได้ว่าโครงการ Digital Europe เป็นเครื่องมือที่สำคัญของสหภาพยุโรปในการบรรลุเป้าหมายดิจิทัลด้านต่างๆ สำหรับสำหรับปี ค.ศ. ๒๐๓๐ ตามที่กำหนดไว้ในแผน “ทศวรรษดิจิทัลของยุโรป” อาทิ เป้าหมายในการพัฒนาประชากรอย่างน้อยร้อยละ ๘๐ ให้มีทักษะด้านดิจิทัลขั้นพื้นฐาน เป้าหมายให้ทุกครัวเรือนในสหภาพยุโรปสามารถเข้าถึงการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตความเร็วสูง ๑ กิกะบิตต่อวินาที (Gbps) และเป้าหมายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ด้วยโครงข่ายโทรคมนาคม 5G

นอกจากนี้ สหภาพยุโรปได้กำหนดให้การสร้าง "ยุโรปที่เหมาะกับยุคดิจิทัล" โดยมีนโยบายและมาตรการด้านกฎหมาย ดังนี้ การเพิ่มการเข้าถึงและทักษะทางดิจิทัลทั่วยุโรป การปกป้องพนักงานที่ทำงานในเศรษฐกิจดิจิทัล การเพิ่มเงินทุนของสหภาพยุโรปสำหรับเทคโนโลยีที่สำคัญ การเพิ่มความปลอดภัยและความยืดหยุ่นของโครงข่ายและโครงสร้างพื้นฐาน การสร้างข้อจำกัดของบริษัทที่มีอำนาจเหนือตลาด การกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการใช้เทคโนโลยีใหม่ รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ การประกันการลบเนื้อหาและสินค้าที่ผิดกฎหมายออกจากแพลตฟอร์มออนไลน์ และการสร้างตลาดยุโรปสำหรับข้อมูลที่ไม่ใช่ข้อมูลส่วนบุคคล เป็นต้น 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น