ในปี
ค.ศ. 1935 นายเจโฮวอท
รูทเทอร์ฟอร์ซึ่งเป็นผู้นำลัทธิได้ประกาศว่าการเคารพเชิดชูธงชาติสหรัฐอเมริกาเป็นการฝ่าฝืนคำสอนตามพระคัมภีร์ที่มิให้มีการทำความเคารพรูปภาพและกระตุ้นให้สาวกในชุมชนไม่ให้ทำด้วย
การเรียกร้องของนายรูทเทอร์ฟอร์นำไปสู่คำพิพากษาของศาลสูงสุดพิจารณาว่ามลรัฐสามารถกำหนดให้นักเรียนโรงเรียนของรัฐต้องทำความเคารพธงชาติ
ในปี ค.ศ. 1941 ท่ามกลางสงครามโลกครั้งที่สองศาลสูงสุดวินิจฉัยในคดี Minersville
School District vs Gobitis ว่าคำสั่งของโรงเรียนรัฐบาลท้องถิ่นในมลรัฐเพนซิวาเนียที่ขับไล่สาวกของลัทธิของนายรูทเทอร์ฟอร์ที่ปฏิเสธการทำความเคารพธงชาติชอบด้วยกฎหมาย
ซึ่งคำพิพากษาดังกล่าวได้รับการวิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากหนังสือทั่วประเทศ
สองปีถัดมาในคดี West Virginia vs Barnette ศาลสูงสุดได้กลับคำพิพากษาด้วยคะแนนเสียง
6 ต่อ 3 เสียงที่คำสั่งของโรงเรียนในมลรัฐเวอร์จิเนียตะวันตกได้ขับไล่นักเรียนที่ปฏิเสธทำความเคารพธงชาติเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่
1 ศาลให้ความเห็นว่าความไม่คงเส้นคงวาในการตีความบทบัยญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่
1ที่ปกป้องสิทธิของบุคคลในการพูดตามความคิด
แต่ก็เปิดโอกาสให้หน่วยงานของรัฐในการบังคับอะไรที่ไม่อยู่ในจิตใจด้วย
ในปี ค.ศ. 1977 ในคดี Wooley v. Maynard ศาลพิจารณาคำฟ้องของครอบครัวในมลรัฐนิวแฮมเชียร์ซึ่งถูกฟ้องร้องถึงสามครั้งกรณีเนื่องจากนายเมย์นาร์ดไม่ยอมใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ที่มีคำขวัญของมลรัฐว่า "Live
Free or Die" นายเมย์นาร์ดเป็นสมาชิกของลัทธิของนายรูทเทอร์ฟอร์ซึ่งต่อต้านการแสดงข้อความคำขวัญของมลรัฐบนป้ายทะเบียนรถยนต์ด้วยเหตุผลว่าขัดกับความเชื่อทางศาสนาและทางการเมืองของเขา ศาลสูงสุดวินิจฉัยว่ากฎหมายนิวแฮมเชียร์ที่บังคับให้บุคคลต้องใช้ป้ายทะเบียนรถยนต์ที่มีคำขวัญของมลรัฐไม่ชอบด้วยกฎหมาย
เพระากฎหมายดังกล่าวบังคับให้บุคคลเป็นผู้ขนส่งข้อความและเป้นป้ายโฆษณาเคลื่อนที่
ในปี ค.ศ. 1980 ในคดี Pruneyard
Shopping Center vs Robins, ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาปฏิเสธข้ออ้างของเจ้าของศูนย์การค้าในแคริฟอร์เนียที่ว่าคำพิพากษาของศาลสูงสุดของมลรัฐแคริฟอร์เนียที่วินิจฉัยว่าสิทธิตามรัฐธรรมนูญของมลรัฐของนักเรียนสามคนในคดีดังกล่าวซึ่งแจกจ่ายเอกสารทางการเมืองในพื้นที่ของศูนย์การค้าเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่
1 เจ้าของศูนย์การค้ายังอ้างหลักการตามคดี Wooley และคดี Barnette,
ซึ่งทรัพย์สินถูกใช้ในลักษณะที่สนับสนุนการเผยแพร่ข้อมูลทางการเมืองที่เขาไม่เห็นชอบด้วย
แต่ศาลไม่เห็นด้วยกับเหตุผลดังกล่าวในการใช้กับกรณีตามคดีนี้เพราะไม่มีใครเชื่อว่าศูนย์การค้าเป็นผู้สนับสนุนข้อมูลทางการเมืองดังกล่าวที่มีการแจกจ่ายในบริเวณที่จอดรถยนต์ในบริเวณศูนย์การค้า
ในปี ค.ศ. 2006 ในคดี Rumsfield
v Forum for Academic and Institutional Rights, ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาพิจารณาข้อเรียกร้องของโรงเรียนกฎหมายหลายแห่งว่าบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับโซโลมอน (Solomon
Amendment) ที่ระงับการอุดหนุนเงินงบประมาณสนับสนุนโรงเรียนโดยเลือกปฏิบัติในการคัดเลือกทหาร
โรงเรียนกฎหมายโต้แย้งว่ากฎหมายดังกล่าวบังคับให้โรงเรียนต้องสนับสนุนการแสดงออก
เช่น
การคัดเลือกหรือเกณฑ์ทหารในบริเวณโรงเรียนซึ่งไม่สอดคล้องกับแนวคิดหรือความเชื่อของตนเองที่นายจ้างไม่ควรมีการเลือกปฏิบัติคนรักเพศเดียวกัน ซึ่งตนเองไม่เห็นด้วย
ศาลสูงสุดมีมติเอกฉันท์ในการปฏิเสธข้ออ้างของโรงเรียน
โดยให้เหตุผลว่ากฎหมายดังกล่าวไม่ได้ทำให้โรงเรียนต้องพูดหรือกล่าวอะไรทั้งสิ้น
ในทางปฏิบัติได้อนุญาตให้โรงเรียนสามารถไม่เข้าร่วมจากการนำเสนอข้อมูลการเกณฑ์ทหารของกลุ่มประท้วง
นอกจากนี้กฎหมายดังกล่าวมุ่งกำกับดูแลพฤติกรรมมากกว่าคำพูด
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น