ประเด็นเรื่องการแสดงสัญลักษณ์ทางศาสนาในสถานที่สาธารณะเป็นประเด้นหนึ่งที่มีการวิพากษ์วิจารณ์ค่อนข้างมากและกลายเป็นประเด็นกฎหมายรัฐธรรมนูญในหลายประเทศ
ในสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นประเทศเสรีนิยมอย่างสูงประเด็นเรื่องนี้ขึ้นสู่การพิจารณาของศาลสูงสุดเพื่อให้วางหลักเกณฑ์
ความหลากหลายของคนในสหรัฐอเมริกามีทั้งคนที่มีความเชื่อทางศาสนาแบบสุดโต่งที่คัดค้านภาพวาดเกี่ยวข้องกับศาสนาที่อยู่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ
หรือการสนับสนุนให้ยกย่องศาสนาโดยการสร้างสัญลักษณ์ไม้กางเขนบนรัฐสภา
ซึ่งก็มีกลุ่มคนคัดค้าน ประเด็นปัญหาเหล่านี้อาจนำไปสู่การแตกแยกและทะเลาะวิวาทในชุมชนและแพร่ขยายไปก็เคยมี
จึงมีความจำเป็นต้องลากเส้นแบ่งว่าอะไรทำได้หรืออะไรทำไม่ได้หรือไม่ควรทำเกี่ยวกับสัญลักษณ์ทางศาสนา
รัฐบาลมักเป็นด่านแรกที่ต้องลากเส้นแบ่งดังกล่าว แต่หากมีผู้ไม่เห็นด้วยก็จะนำคดีไปสู่การวินิจฉัยของศาล
เพื่อให้ลากเส้นแบ่งแยกความแตกต่างว่าสิ่งใดทำได้โดยชอบด้วยกฎหมายรัฐธรรมนูญและสิ่งใดทำไม่ได้
คดีที่สำคัญคือคดี Lynch (1984) และ County
of Allegheny (1989)
ทั้งสองคดีเกี่ยวข้องกับการติดตั้งภาพแสดงการกำเนิดของพระเยซูในที่สาธารณะในช่วงเทศกาลคริตมาส
ศาลสูงสุดสหรัฐอเมริกาได้วางหลักเกณฑ์ในคดี Lynch ว่าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในมลรัฐโรดไอร์แลนด์ไม่ได้ฝ่าฝืนบทบัญญัติสิทธินับถือศาสนา
(Establishment Clause) หลักเกณฑ์ดังกล่าวนิยมเรียกว่า
เกณฑ์เลมอน (Lemon Test) ซึ่งมีรายละเอียดสรุปได้ดังนี้
การกระทำของรัฐบาลที่ฝ่าฝืนบทบัญญัติสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา เว้นแต่ (๑)
มีวัตถุประสงค์ที่สำคัญในทางความเชื่อศาสนา (๒)
ต้องไม่มีผลกระทบต่อการห้ามหรือจำกัดความเชื่อทางศาสนาอย่างมีนับสำคัญ และ (๓)
ต้องไม่ทำให้ความขัดแย้งหรือความเกี่ยวข้องระหว่างศาสนาและรัฐบาลขยายตัวเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตามการใช้เกณฑ์เลมอนของศาลสูงสุดถูกตั้งคำถามโดยผู้พิพากษาเสียงข้างน้อยโดยเรียกร้องให้ใช้เกณฑ์เดิมจะเหมาะสมกว่าห้าปีต่อมา
ศาลสูงสุดใช้เกณฑ์เลมอนกับคดี Allegheny
และสรุปว่าสถานเลี้ยงเด็กฝ่าฝืนบทบัญญัติสิทธิเสรีภาพในการนับถือศาสนา
ลักษณะแตกต่างที่สำคัญคือเมืองแพทูเก็ตจัดแสดงสัญลักษณ์ตริสต์มาส เช่น
ซานต้าครอส์และรูปปั้นสัตว์พลาสติกช้างและกวางเพื่อการเฉลิมฉลองในช่วงเทศกาลมากกว่าการสนับสนุนศาสนา
แต่ในกรณีของเมืองออลเลทเอนีย์ที่มีการจัดแสดงใบพอยน์เซตเทียของสถานเลี้ยงเด็ก
ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของคริสต์มาสไม่ใช่สัญลักษณ์ศาสนาแต่อย่างใด
ในปี ค.ศ. 1995 ในคดี Capitol Square Review Board, ศาลสูงสุดพิจารณาในประเด็นว่าไม้กางเขนที่กลุ่มเหยียดผิวหัวรุนแรงที่เรียกว่า
KKK ณ
บริเวณหน้าศาลาว่าการของรัฐบาลมลรัฐของมลรัฐโฮไอโอ้อาจถือเป็นการฝ่าฝืนบทบัญญัติสิทธิสรีภาพในการนับถือศาสนา
คำพิพากษาสรุปว่าสถานที่ดังกล่าวเป็นสถานที่สาธารณะซึ่งในอดีตใช้เป็นสถานที่จัดกิจกรรมเพื่อแสดงความคิดเห็น
ศาลสูงสุดให้เหตุผบว่าการวางไม้กางเขนดังกล่าวไม่ถือว่าเป็นการสนับสนุนความเชื่อทางศาสนา
เกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาในกรณีนี้ไม่ใช่ประเด็นว่าวิญญูชนทั่วไปอาจมองว่าไม้กางเขนเป็นการสนับสนุนศาสนาคริตส์
แต่ประเด็นที่แท้จริงในคดีนี้คือรัฐบาลของมลรัฐโฮไอโอ้ส่งเสริมศาสนาและการส่งเสริมดังกล่าวไม่ใช่เมื่อองค์กรเอกชนจะได้รับอนุญาตให้ใช้สถานที่สาธารณะเพื่อแสดงออกความเชื่อทางศาสนาต้องเท่าเทียมกันกับกรณีขององค์กรอื่น
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น