ตราบใดที่ยังมีธุรกิจนอกกฎหมายเกิดขึ้นก็จะมีการฟอกเงินที่ได้มาโดยมิชอบจากธุรกิจผิดกฎหมายเกิดขึ้นอยู่ควบคู่กัน ในปี 2017 สำนักงานองค์การสหประชาติด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (United Nations Office on Drug and Crime) ได้มีรายงานการศึกษาระบุว่ามีจำนวนเงินที่มีการฟอกอย่างผิดกฎหมายประมาณ 800,000 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกาถึง 2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 2-5% ของ GDP ของโลกทุกปี โดยเหล่าบรรดาอาชญากรได้พยายามเปลี่ยนเงินหรือทรัพย์สินที่ได้มาอย่างผิดกฎหมายไปเป็นเงินสดที่ไม่สามารถติดตามจากหน่วยงานรัฐได้หรือเปลี่ยนเป็นสิ่งของมีค่าอย่างอื่น เช่น ทองคำ หรือรถยนต์ หรือฟอกเงินผ่านคาสิโนหรือนำเงินฝากธนาคารที่ไม่มีการเข้มงวดในเรื่องนี้
ในยุคเทคโนโลยีดิจิทัล เทคโนโลยีช่วยทำให้การฟอกเงินให้สะดวกมากขึ้น โดยเฉพาะเทคโนโลยีสกุงเงินดิจิทัลหรือสกุลเงินเข้ารหัส แม้ว่าจากรายงานการศึกษาพบว่าที่ผ่านมาการฟอกเงินด้วยสกุลเงินดิจิทัลยังคงมีสัดส่วนเล็กน้อยหากเปรียบเทียบปริมาณการฟอกเงินทั้งหมด แต่ก็เป็นที่ยอมรับว่าระบบสกุลเงินดิจิทัลมีความน่าดึงดูดใจค่อนข้างมากต่อการนำไปใช้ฟอกเงินเนื่องจากสามารถเคลื่อนย้ายได้ง่ายและค่อนข้างอิสระทั่วโลกด้วยความรวดเร็วในการแลกเปลี่ยนและเคลื่อนย้ายข้ามประเทศ รวมทั้งความสามารถในการปกปิดตัวตนของผู้ทำธุรกรรม
ทั้งนี้ สำนักงานตำรวจระหว่างประเทศแห่งยุโรป (EuroInterpol) ได้ประมาณในยุโรปมีการฟอกเงินด้วยระบบสกุลเงินดิจิทัลเป็นจำนวนสูงถึง 3-4 พันล้านปอนด์หรือประมาณ 4.2-5 พันล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา และมีการคาดการณ์ว่าปัญหาดังกล่าวเริ่มมีมากขึ้นในอนาคตเนื่องจากความนิยมและการยอมรับสกุลเงินดิจิทัลเริ่มมีมากขึ้นในประเทศต่างๆ นอกจากนี้ หน่วยงานปราบปรามยาเสพติดของสหรัฐอเมริการายงานว่าขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติเริ่มนิยมใช้เงินสกุลดิจิทัลมากขึ้นในการดำเนินธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย เงินสกปรกจากการค้ายาเสพติดได้รับการฟอกเปลี่ยนเป็นเงินสกุลดิจิทัล แล้วแยกค่อยจำนวนย่อยออกไปเพื่อให้เคลื่อนย้ายเงินผิดกฎหมายได้ง่ายขึ้นและหน่วยงานของรัฐติดตามตรวจสอบได้ยากขึ้นด้วยการใช้หลากหลายสกุลเงินดิจิทัลที่มีอยู่ในปัจจุบัน ตัวอย่างที่เกิดขึ้นล่าสุดคือ แฮกเกอร์ส่วนใหญ่เมื่อโจมตีหรือมีการปล่อยมัลแวร์เพื่อเรียกค่าไถ่มักจะให้ใช้เงินสกุลดิจิทัลในการชำระค่าไถ่เพราะเงินสกุลดิจิทัลสามารถนำไปแลกเปลี่ยนหรือฟอกเงินได้ง่าย รวดเร็ว ข้ามประเทศ และแยกย่อยได้จนกระทั่งไม่สามารถติดตามร่องรอยได้ โดยเฉพาะเงินจำนวนมาก ที่ผ่านมาหน่วยงานภาครัฐมีความสามารถที่จำกัดในการติดตามจับกุมการฟอกเงินสกุลดิจิทัล
ในช่วงต้นปี 2018 นายบริทอลถูกจับถุมและติดคุกในประเทศเนเธอร์แลนด์ในข้อหาที่นำเงิน 11 ล้านยูโรหรือประมาณ 13.2 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกากับสกุลเงินบิทคอย์โดยรับเงินมาจากลูกค้าที่เป็นอาชญากร แล้วเปลี่ยนเป็นเงินสดผ่านบัญชีธนาคารและส่งเงินสดกลับไปยังอาชญากร โดยได้รับส่วนแบ่งเป็นค่าบริการ นักฟอกเงินมืออาชีพมักใช้วิธีการที่สลับซับซ้อนโดยใช้ทั้งวิธีการดั้งเดิมผสมผสานกับวิธีการใหม่ๆเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบ
สำนักงานตำรวจระหว่างประเทศแห่งยุโรปได้พบว่าหัวหน้าอาชญากรชาวยุโรปได้ใช้สกุลเงินดิจิทัลชำระค่ายาเสพติดให้กลุ่มค้ายาเสพติดในประเทศโคลัมเบีย โดยได้แลกเปลี่ยนเงินสกุลยูโรปเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่ปกปิดตัวตนได้ และส่งไปยังบัญชีดิจิทัลที่ลงทะเบียนในประเทศโคลัมเบียเพื่อใช้เปลี่ยนเป็นเงินสกุลเปโซด้วยการแลกเลปีย่นผ่านระบบออนไลน์ เงินเปโซถูกถอนเป็นเงินสดจากแหล่งแลกเงินท้องถิ่นหลายแห่งด้วยบัญชีธนาคารจำนวนมากเพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบจากทางการ ซึ่งหากเป้นในอดีตต้องมีการหอบหิ้วหรือซุกศ่อนเงินสดติดตัวเดินทางไปเพื่อชำระค่าสินค้าผิดกฎหมาย ดังนั้น รัฐบาลในประเทศต่างๆ ในยุโรป เริ่มตื่นตัวในเรื่องดังกล่าวมากขึ้น
ล่าสุดสำนักงานตำรวจระหว่างประเทศแห่งยุโรปได้จับกุมกลุ่มผู้ค้ายาที่ใช้สกุลเงินดิจิทัลและเครดิตการ์ดในการฟอกเงินมากกว่า 8 ล้านยูโรผ่านการแลกเปลี่ยนเงินสกุลดิจิทัลของประเทศฟินแลนด์ โดยตำรวจได้จับกุมผู้ต้องสงสัยจำนวน 11 คนจากประเทศสเปนและโคลัมเบีย โดยได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานรัฐของฟินแลนดืและกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิของสหรัฐอเมริกา ในกรณีนี้มีการสอบสวนบุคคลประมาณ 137 คนและพบว่าผู้ต้องสงสัยได้ใช้บัญชีธนาคารจำนวน 174 บัญชีในการฟอกเงินอย่างเป็นขบวนการ จะเห็นได้ว่าในเรื่องดังกล่าวนี้ต้องได้รับความร่วมมือจากประเทศต่างๆ ในการจัดการกับปัญหานี้อย่างจริงจัง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น