โดยทั่วไป
คนส่วนใหญ่มักจะรู้จักเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคมหรือการเข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคม
กล่าวคือ ประชาชนสามารถรวมกลุ่มกันได้ในรูปแบบต่าง ๆ
ได้ตามที่ต้องการ เช่น รวมตัวกันเป็นสมาคม
สหภาพ สหพันธ์ กลุ่มเกษตรกร
องค์กรเอกชนหรือหมู่คณะอื่น ๆ ซึ่งสิทธินี้ถือเป็นสิทธิทางการเมืองประเภทหนึ่ง ในทางตรงกันข้ามก็มีประเด็นว่าประชาชนมีสิทธิหรือเสรีภาพในการไม่เข้าร่วมเป็นสมาชิกสมาคมหรือไม่
เพราะมีกรณีที่รัฐกำหนดให้ประชาชนเข้าร่วมเป็นสมาคมหรือองค์การ ตัวอย่างเช่น
สหภาพแรงงาน หรือสภาวิชาชีพต่าง ๆ ซึ่งได้รับการรับรองและคุ้มครองตามเสรีภาพในการรวมกันเป็นสมาคม
ซึ่งในสหรัฐอเมริกา ศาลสูงสุดได้วินิจฉัยในเรื่องนี้ไว้ดังนี้ ในคดี Abood v.
Detroit Board of Education (1977) ศาลตัดสินว่ารัฐอาจกำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของรัฐจ่ายค่าธรรมเนียมสมาชิกหรือค่าบริการ
ซึ่งเงินดังกล่าวจะถูกนำไปใช้จ่ายในการดำเนินงานของสหภาพเพื่อวัตถุประสงค์ในการเจรจาต่อรองกับนายจ้าง
การบริหารสัญญาจ้าง และการช่วยเหลือสมาชิกที่ได้รับความเดือดร้อน
แต่ตามบทบัญญัติแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับที่หนึ่ง
เจ้าหน้าที่ภาครัฐอาจไม่ถูกบังคับให้บริจาคแก่ผู้ลงสมัครทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ภาครัฐอาจป้องกันไม่ให้สหภาพใช้จ่ายเงินที่ได้มาจากค่าสมาชิกในการบริจาคผู้สมัครทางการเมืองและการแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่ไม่เกี่ยวข้องกับหน้าที่ในฐานะที่เป็นตัวแทนเจรจาแต่ผู้เดียว
ในคดีที่คล้ายคลึงกันคือคดี Keller v. State Bar of California (1990)
ศาลสูงสุดตัดสินว่าเนติบัญฑิตยสภาของมลรัฐแคริฟอร์เนียไม่อาจใช้ค่าธรรมเนียมสมาชิกแบบบังคับเพื่อใช้ในการสนับสนุนพรรคการเมืองและอุดมการณ์ทางการเมืองที่สมาชิกไม่เห็นด้วย
เนติบัญฑิตยสภาเป็นองค์กรที่ผูกขาดโดยเป็นสมาคมตามกฎหมายของมลรัฐแคริฟอร์เนียที่นักกฎหมายต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิกและต้างจ่ายค่าธรรมเนียมสมาชิกตามเงื่อนไขของกฎหมายเพื่อจะประกอบวิชาชีพทนายความได้
เนติบัญฑิตยสภาอาจใช้เงินจากค่าธรรมเนียมสมาชิกในกฎหมายการเงินของวิชาชีพกฎหมายหรือพัฒนาคุณภาพของบริการทางกฎหมายหรือประมวลจริยธรรมของทนายความ
แต่ไม่ใช้เงินในการสนับสนุนกิจกรรมทางการเมืองและอุดมการณ์ทางการเมือง เช่น
การสนับสนุนการควบคุมอาวุธปืนหรือโครงการระงับการใช้พลังงานนิวเครียส์
แม้ว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐถูกคาดหวังว่าเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการประชาธิปไตย
การเป็นตัวแทน และสนับสนุนความคิดเห็นของผู้มีสิทธิลงคะแนนเสียงส่วนใหญ่
เนติบัญฑิตยสภาไม่ถือเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของมลรัฐ
แม้ว่ากฎหมายมลรัฐจัดตั้งเนติบัญฑิตยสภาขึ้นและกำหนดให้ทนายความต้องเข้าร่วมเป็นสมาชิก
เนติบัญฑิตยสภาเทียบเคียงได้กับสหภาพแรงงานเป็นตัวแทนของลูกจ้างหรือพนักงานของทั้งภาครัฐและเอกชน
และดังนั้นควรอยู่ภายใต้กฎของรัฐธรรมนูญเพื่อปกป้องเสรีภาพในการแสดงออกและผลประโยชน์ของการรวมกันเป็นสมาคมอย่างเสรี
ในคดี Board of
Regents of the University of Wisconsin System v. Southworth (2000) ศาลไม่ได้ตรรกะตามคำพิพากษาคดี Keller เพราะข้อเท็จจริงของเหตุการณ์เกี่ยวข้องกับคำพูดของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
นักศึกษาฟ้องมหาวิทยาลัยโดยอ้างว่าค่าธรรมเนียมกิจกรรมนักศึกษาที่บังคับจ่ายนั้นฝ่าฝืนสิทธิในการเสรีภาพการแสดงออกตามรัฐธรรมนูญ
เสรีภาพในการตัวเป็นสมาคมโดยเสรี และเสรีภาพในการนับถือศาสนา หากมหาวิทยาลัยไม่ให้ทางเลือกในการไม่สนับสนุนองค์การที่เกี่ยวข้องกับการแสดงออกหรืออุดมการณ์ทางการเมืองที่ขัดกับความเชื่อส่วนบุคคล
ศาลไม่เห็นด้วยและตัดสินว่ามหาวิทยาลัยของรัฐมีสถานะเช่นเดียวกับเนติบัญฑิตยสภาที่อาจเรียกเก็บค่าธรรมเนียมจากนักศึกษาเพื่อนำไปสนับสนุนโครงการที่สนับสนุนการแสดงออกเกี่ยวกับการศึกษานอกหลักสูตร
หากโครงการดังกล่าวเป็นมุมมองที่เป็นกลาง
ศาลได้แยกความแตกต่างของคดีกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหากรัฐบาลเป็นผู้แสดงออกความคิดเห็นและมองหาเนื้อหาเฉพาะ
ในคดีนี้ ถือเป็นความรับผิดชอบต่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งและกระบวนการทางการเมือง
มหาวิทยาลัยจึงไม่ต้องรับผิดชอบในคำพูดและเนื้อหา แต่เป็นเพียงผู้จัดสรรเงินเพื่ออำนวยความสะดวกให้เกิดการแลกเปลี่ยนความคิดของนักศึกษาอันเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยประการหนึ่ง
อนึ่ง ศาลได้ปฏิเสธเกณฑ์ความเกี่ยวข้อง (Germaneness test) ที่วางหลักการไว้ในคดี
Keller ว่าไม่เหมาะสมในการประยุกต์ใช้การแสดงความเห็นของนักศึกษาในมหาวิทยาลัย
และไม่สามารถให้ความคุ้มครองที่ไม่เพียงพอกับทั้งนักศึกษาและมหาวิทยาลัย ดังนั้น เกณฑ์ทดสอบที่เหมาะสมในกรณีนี้
ศาลได้ยืมเกณฑ์ความเป็นกลางของมุมมองจากคดีเวทีสาธารณะ (Public forum) กล่าวคือแม้ว่าเงินสนับสนุนกิจกรรมนักศึกษาไม่ใช่เป็นเวทีสาธารณะ แต่ศาลแก้ไขประเด็นเกี่ยวกับการจัดสรรเงินโดยให้มีการลงประชามติเพราะไม่สอดคล้องกับเงื่อนไขความเป็นกลางของมุมมอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น