ข้อเท็จจริงในคดีนี้คือ ในปี ค.ศ. 2007
กัสและอิเนส
โบเดอร์ของบริษัทโกลเด้นบอลที่พยายามขอจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า Golden
Balls เป็นเครื่องหมายการค้าประชาคมยุโรป (Community Trade
Mark) ในปี ค.ศ. 2008 Intra-Presse ยื่นคำร้องคัดค้านการจดทะเบียนดังกล่าว
โดยอ้างมาตรา 8 (1) (b) และมาตรา 8 (5) ของข้อบังคับเครื่องหมายการค้าประชาคมยุโรปฉบับที่
40/49 ซึ่งปัจจุบันปรับปรุงแก้ไขเป็นข้อบังคับฉบับที่ 207/2009
ตามมาตรา 8 (1) (b)
การจดทะเบียนเครื่องหมายที่ก่อให้เกิดความสับสนหลงผิดในสินค้าหรือบริการอาจถูกปฏิเสธ
เพราะความคล้ายคลึงระหว่างเครื่องหมายการค้าทั้งสองและความคล้ายคลึงของสินค้าหรือบริการที่ใช้กับเครื่องหมาย
ตามมาตรา 8 (5) หากเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนภายหลังมีความคล้ายคลึงกับเครื่องหมายที่จดทะเบียนก่อนซึ่งมีชื่อเสียงในตลาดประชาคมยุโรปและประเทศสมาชิกที่เกี่ยวข้อง
การจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าที่ขอจดทีหลังอาจถูกปฏิเสธแม้ว่าสินค้าหรือบริการที่ใช้เครื่องหมายการค้าอาจแตกต่างกัน
และหากการจดทะเบียนอาจก่อให้เกิดข้อได้เปรียบอย่างไม่เป็นธรรมหรืออาจลดทอนชื่อเสียงของเครื่องหมายการค้าที่มีชื่อเสียงที่จดทะเบียนไว้ก่อน
คณะกรรมการอุทธรณ์เครื่องหมายการค้าวินิจฉัยว่าเครื่องหมายที่มีคำสองคำที่คล้ายคลึงกันอย่างมาก ในการคัดค้านของ Intra-Presse ตามมาตรา 8 (1) (b) และเครื่องหมายการค้า Golden Balls กับสินค้าที่เครื่องหมาย Ballon d’Or ไม่ได้จดทะเบียนไว้ ดังนั้น คณะกรรมการอุทธรณ์จึงยกคำร้องคัดค้านของ Intra-Press ตามมาตรา 8 (5) ต่อมา Intra-Presse จึงอุทธรณ์ต่อศาลชั้นต้นของสหภาพยุโรป และศาลสหภาพยุโรปวินิจฉัยว่าเครื่องหมาย Ballon d’Or และเครื่องหมาย Golden Balls มีระดับความคล้ายคลึงกันที่ค่อนข้างต่ำเพราะทั้งจากการมองเห็นและการออกเสียงมีความแตกต่างที่ยากจะก่อให้เกิดความสับสน และเครื่องหมายทั้งสองขาดความคล้ายคลึงที่กฎหมายกำหนดไว้ในมาตรา 8 (5) จึงยกคำร้องอุทธรณ์
Intre-Presse ไม่ยอมแพ้ และได้อุทธรณ์ต่อศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปในสามประเด็น ประเด็นแรกคือการบดเบือนข้อเท็จจริงที่ประเมินความสามารถของสาธารณะที่เกี่ยวข้อง ประเด็นที่สอง การละเมิดบทบัญญัติมาตรา 8(1) ของข้อบังคับฉบับที่ 40/94 และประเด็นที่สามคือการละเมิดบทบัญญัติมาตรา 8(5) ของข้อบังคับ 40/94
ในการพิจารณาของศษลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรป
ศาลยกคำร้องในสองประเด็นแรกโดยให้เหตุผลว่าศาลไม่มีเขตอำนาจในการพิจารณาในประเด็นข้อเท็จจริงเนื่องจากตามกฎหมายจัดตั้งศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปมาตรา
58 จำกัดให้ศาลยุติธรรมแห่งสหภาพยุโรปมีอำนาจพิจารณาเฉพาะประเด็นข้อกฎหมายเท่านั้น
สำหรับประเด็นที่สามนั้น ศาลอ้างถึงคำพิพากษาในคดี Ferrero v OHMI ซึ่งวางหลักการว่าระดับความคล้ายคลึงที่กำหนดไว้ตามมาตรา 8 (1) (b) และตามมาตรา 8 (5) ของข้อบังคับมีความแตกต่างกัน
ตามมาตรา 8 (1) (b) ต้องมีระดับของความคล้ายคลึงที่นำไปสู่แนวโน้มที่ก่อให้เกิดความสับสนหลงผิดได้กับประชาชนทั่วไปที่เกี่ยวข้อง
สำหรับตามมาตรา 8 (5) นั้นระดับของความคล้ายคลึงเริ่มจากการประเมินทั่วไปของความเป็นไปได้ว่าการจดทะเบียนของเครื่องหมายการค้าภายหลังอาจลดทอนความมีชื่อเสียงของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ก่อน
การประเมินว่าเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ก่อนมีชื่อเสียงในประชาคมหรือประเทศสมาชิกที่เกี่ยวข้องเป็นส่วนหนึ่งของการประเมินในภาพรวม
ดังนั้น ศาลจึงส่งคดีดังกล่าวกลับไปยังคณะกรรมการอุทธรณ์เครื่องหมายการค้าเพื่อพิจารณาวินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวโดยให้คำนึงถึงแนวทางที่กำหนดไว้ในคำพิพากษา
คู่กรณีทั้งสองไม่ได้พอใจในคำพิพากษาดังกล่าว แต่คดีนี้ก็เป็นสิ่งเตือนใจว่าระดับความคล้ายคลึงจำเป็นต้องมีการพิสูจน์ความเสียหายตามมาตรา 8 (1) (b) และมาตรา 8 (5) ด้วยซึ่งมีความแตกต่างกัน ตามมาตรา 8 (5) ระดับความคล้ายคลึงขั้นต้นของการประเมินทั้งหมดในประเด็นว่าการขอจดทะเบียนของเครื่องหมายการค้าภายหลังอาจสร้างความเสียหายแก่เครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนก่อนซึ่งรวมเข้ากับการประเมินความมีชื่อสเียงของเครื่องหมายการค้าที่จดทะเบียนไว้ก่อน
ประเด็นที่น่าสนใจคือข้อโต้แย้งของคู่กรณีเกี่ยวกับความสามารถทางภาษาของประชาชนที่เกี่ยวข้องกับความคล้ายคลึงในเชิงแยงคิด ศาลได้ยกฟ้องการประเมินข้อเท็จจริง Intra-Presse โต้แย้งว่าศาลชั้นต้นมีข้อผิดพลาดทางข้อกฎหมายว่าการแปลก่อนของเครื่องหมายคำพูดที่จำเป้นต้องก่อนจะได้รับการยอมรับโดยประชาชนที่เกี่ยวข้องเพราะความคล้ายคลึงเชิงแนวคิด ทั้งนี้ ได้เพิ่มเติมว่าเครื่องหมายคำพูดประกอบด้วยคำพูดในหลายภาษาที่เข้าใจโดยประชาชน ไม่มีกระบวนการแปลภาษาที่ชาญฉลาดและไม่มีผู้บริโภคเกี่ยวข้องในการแปลก่อนหรือเริ่มการแปล ยืนยันว่าความหมายของคำดังกล่าวอาจเข้าใจในทันทีทันใดโดยประชาชนที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะภาษาหลักอะไร
ในคดีนี้ได้ยกประเด็นการออกเสียงในภาษาศาสตร์
การคำนึงถึงลักษณะความหลากหลายของภาษาของประชาชนในยุโรป ขอบเขตของความแตกต่างในภาษาของถ้อยคำเครื่องหมายการค้าทีผลต่อการก่อให้เกิดความสับสนหลงผิดต่อประชาชนที่เกี่ยวข้อง
ขอบเขตความแตกต่างของวัฒนธรรม เช่น
คนอังกฤษอาจมีความสามารถทางภาษาอื่นน้อยกว่าคนยุโรปประเทศอื่น
และหากเปรียบเทียบกับคนลักเซมเบิรส์ละ โดยเฉพาะระดับของความรู้ทางภาษาของผู้บริโภคคนอังกฤษและฝรั่งเศส
ความคล้ายคลึงด้านแนวคิดเกิดขึ้นหากภาษาของเครื่องหมายการค้าทั้งสองเป็นภาษาทางการของเขตพื้นที่ที่ผู้บริโภค
เช่นในคดี Organismos Kypriakis Galaktokomikis Viomichanias v
Office for Harmonisation in the Internal Market (Trade Marks and
Designs) (OHIM), Garmo AG, Case T-534/10, 13 June 2012[2012] E.T.M.R. 55 และหากผู้บริโภคชาวเยอร์มัน ฟินแลนด์
เนเธอร์แลนด์และสวีเดนมีความสามรถในการเข้าใจภาษาอังกฤษในคำว่า ฉลาม (shark
) ก่อนจะมีการแปลของบริษัท Osotspa Co. Ltd ที่จัดตั้งในประเทศไทยกับสำนักงานสร้างความสอดคล้องกับตลาดภายใน Office for Harmonisation in the
Internal Market (Trade Marks and Designs) (OHIM) ในคดีเลขที่ T-33/03 วันที่
9 มีนาคม ค.ศ. 2005 E.C.R. 2005 page II-00763)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น